Australian Embassy
Thailand

Press Release 2022 - Vaccine donation_Th

 

                            ออสเตรเลียบริจาควัคซีนไฟเซอร์กว่า 450,000 โดส
                                       เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนในประเทศไทย


13 กันยายน 2565

รัฐบาลออสเตรเลียร่วมกับองค์การยูนิเซฟบริจาควัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอนเทคจำนวน 452,790 โดส เพื่อสนับสนุนประเทศไทยในการฉีดวัคซีนและการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19

การส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทยครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนจากออสเตรเลียในการช่วยเหลือรัฐบาลไทยต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นการตอกย้ำความร่วมมือที่แข็งแกร่งและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะแจกจ่ายวัคซีนให้กับโรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ประชาชนรวมถึงกลุ่มเปราะบางที่สุดในประเทศไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ประเทศไทยมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมกว่า 2.4 ล้านคน ซึ่งทำให้การฉีดวัคซีนยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการรับมือกับการแพร่ระบาด

พิธีส่งมอบวัคซีนครั้งนี้จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ โดยมีนายเดวิด บรอน เลขานุการเอก ฝ่ายการเมืองและเศรษฐกิจ สถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย, นางเซอเวอรีน ลีโอนาร์ดิ รองผู้อำนวยการ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมงาน ซึ่งได้ร่วมแสดงมุ่งมั่นของทั้งสามฝ่ายในการร่วมมือกันต่อสู้กับโรคโควิด-19 และการฟื้นฟูประเทศไทยจากวิกฤตครั้งนี้

การบริจาควัคซีนครั้งนี้ยังถือเป็นการตอกย้ำการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของออสเตรเลียในการช่วยเหลือประเทศไทยรับมือกับโรคโควิด-19 โดยออสเตรเลียได้บริจาควัคซีนและให้การสนับสนุนด้านวิชาการแก่ประเทศไทยรวมมูลค่า 2.8 ล้านเหรียญออสเตรเลียผ่านโครงการ Vaccine Access and Health Security Initiative

นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ยูนิเซฟได้สนับสนุนรัฐบาลไทยในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดส่งอุปกรณ์ป้องกันโรค อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมไปถึงอุปกรณ์การเรียนรู้จำนวนหลายล้านชิ้นให้แก่เด็กและครอบครัวและประชากรกลุ่มเปราะบาง เช่น ชุมชนผู้อพยพย้ายถิ่น นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนรัฐบาลและองค์กรพัฒนา เอกชนจัดตั้งระบบรับมือกับโควิด-19 ในชุมชน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้เด็กและครอบครัวได้เข้าถึงหน่วยบริการสุขภาพ การคุ้มครองเด็ก ตลอดจนความช่วยเหลืออื่น ๆ ที่จำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง